“องค์ชายพาหม่อมฉันมาที่ห้องหนังสือทำไมเพคะ”
“พามาฝนหมึก วันนี้เจ้าไม่ต้องสอนข้า เจ้ามาเป็นผู้ช่วยคอยฝนหมึกให้ข้าก็แล้วกัน”
“พระองค์ใช้งานหม่อมฉันเยอะเกินไปหรือไม่เพคะ” หญิงสาวทำหน้างอเล็กน้อย
“เดี๋ยวให้เงินเพิ่ม จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา” เขาพูดโดยที่ไม่มองหน้าหญิงสาว
“ก็ได้เพคะ แบบนี้ค่อยมีแรงฝนหมึกหน่อย” มู่ฟางหลินยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข และเริ่มลงมือฝนหมึกทันที ชายหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อย แล้วส่ายหน้าเบาๆ ให้กับคำตอบของนาง ก่อนจะลงมือเขียนหนังสือต่อไป
สองชั่วยามผ่านไป
มู่ฟางหลินฝนหมึกให้โอหยางชุนต่อไปเรื่อยๆ จนถึงยามเซิน (15.00-16.59) จู่ๆ ฝนก็เกิดตกลงมาอย่างหนัก
“เสียงฝนตกนี่เพคะองค์ชาย”
“อืม ตกหนักเสียด้วย เจ้ากลัวฝนหรือ?”
“ไม่ได้กลัวเพคะ แต่ฝนตกหนักขนาดนี้ หม่อมฉันจะกลับเรือนยังไง”
“กลับไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับ” หญิงสาวได้ยินคำพูด ที่คนข้างๆ เอ่ยขึ้น นางวางมือจากการฝนหมึก แล้วหันไปมองคนข้างๆ ด้วยความสงสัย
“เมื่อครู่นี้ พระองค์พูดว่าอะไรนะเพคะ”
“ข้าพูดว่า ถ้ากลับไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แต่สายตาของเขาก็คงยังจับจ้องอยู่ที่การเขียนหนังสืออยู่เช่นเคย
“ไม่กลับได้อย่างไรเพคะ ถ้าไม่กลับ แล้วหม่อมฉัน เอ่อ.. จะนอนที่ไหน เอ่อ..คงไม่ใช่นอ…”
“นี่เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เจ้ากำลังคิดว่า ข้าจะทำอะไรเจ้าอย่างงั้นหรือ หื้ม” ชายหนุ่มหันไปมองหน้าหญิงสาวพร้อมเอ่ยขัดขึ้น เมื่อเขาเห็นว่านางกำลังจะคิดอะไรเลยเถิด และเขาใช้กำปั้นเคาะลงไปที่หน้าผากของนางเบาๆ หนึ่งที
“โอ๊ย เปล่าคิดเพคะ”
“ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก คืนนี้ข้าจะให้เจ้า ไปนอนที่ตำหนักของเสด็จแม่ข้า ไม่ใช่ให้เจ้านอนที่ตำหนักของข้า เหมือนอย่างที่เจ้ากำลังคิดอยู่ตอนนี้ เด็กหื่น”ชายหนุ่มพูดพร้อมใช้มือไปบีบที่จมูกของคนตรงหน้าเบาๆ อย่างนึกหมั่นเขี้ยว
“พระองค์ใส่ร้ายหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเสียหน่อยเพคะ” นางปฏิเสธขึ้นทันที แต่ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ เพราะกลัวเขาจะรู้ว่านางคิดไปไกลแบบนั้นจริงๆ เวลาฝนตกในละครมักจะเป็นแบบนี้เกือบทุกเรื่องไม่ใช่หรือ นอนค้างอ้างแรมกับผู้ชาย แล้วก็..
“แน่ใจนะว่าไม่ได้คิด”เมื่อมีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น หญิงสาวก็หลุดออกจากความคิดของตัวเองทันที
“แน่ใจเพคะ” หญิงสาวพูดพร้อมทำการฝนหมึกต่อทันที
“แล้วไป” พอเขาพูดจบ ก็เห็นว่าคนข้างๆ เริ่มจะเหนื่อยแล้ว เขาจึงเอ่ยบอกนางว่า
“หยุดฝนหมึกก่อนเถอะ หิวหรือไม่ ฝนตกหนักขนาดนี้คงออกไปไหนไม่ได้ ในกล่องบนชั้นนั่นมีขนมอยู่ เจ้ากินรองท้องไปก่อน ฝนหยุดเมื่อไหร่ ข้าจะพากลับไปกินที่ตำหนัก”
“ขนมหรือเพคะ อร่อยหรือไม่?”
“ไม่รู้ ยังไม่เคยชิม” พอสิ้นสุดคำตอบของชายหนุ่ม มู่ฟางหลินก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบกล่องขนมที่ชั้นตามที่เขาบอก แล้วกลับมานั่งที่เดิม จากนั้นทำการเปิดกล่องออก หยิบขนมขึ้นมาใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย
“อื้ม อร่อยมากเพคะ องค์ชายจะลองชิมดูหรือไม่เพคะ”
“อืม” เขาเอ่ยตอบนางสั้นๆ จากนั้นหญิงสาว ทำการหยิบขนมในกล่อง แล้วยื่นส่งไปให้คนตรงหน้า ร่างสูงอ้าปากกัดขนมที่นางยื่นส่งมาให้ แต่แทนที่เขาจะกัดแค่ขนม เขาได้แอบขบนิ้วเรียวนุ่มของนางเบาๆ จนมู่ฟางหลินสะดุ้งตกใจเล็กน้อย
“ทรงกัดนิ้วหม่อมฉันทำไมเพคะ”
“เขาไม่ได้เรียกว่ากัด”
“แล้วเรียกว่าอะไร?” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“เจ้าอยากรู้หรือ?” เขายื่นหน้าไปใกล้ๆ นาง พร้อมกับเอ่ยถามว่า นางอยากรู้จริงๆ หรือ
“เอ่อ..ไม่อยากรู้แล้วเพคะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้น พร้อมกับบ่ายหน้าหนีเขาเล็กน้อย ตอนนี้นางไม่กล้าสบตาเขาเลยจริงๆ คนอะไรรุกเก่งชะมัด
“นึกว่ายังอยากรู้จะได้บอก” ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยกับนางต่อไปอีกว่า
"อีกห้าวันจะถึงงานล่าสัตว์ เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม ยามเหม่า (05.00-06.59) ข้าจะแวะไปรับเจ้าที่เรือน”
“หม่อมฉันต้องไปด้วยหรือเพคะ”
“เจ้าเป็นถึงราชทูตแห่งแคว้นซ่ง จะไม่ไปได้อย่างไร เตรียมชุดหนาๆ เผื่อไว้ด้วยสักชุด ตอนกลางคืนอากาศจะเย็น เดี๋ยวไม่สบาย”
“เป็นห่วงหรือเพคะ”
“รู้แล้ว ยังจะถามอีก”
“ขอบพระทัยเพคะ ที่ทรงเป็นห่วง” ทั้งสองยิ้มให้กันเพียงครู่ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น